ไทยรัฐสปอร์ต สรุป 6 ข่าวกีฬาต่างประเทศที่เป็นที่สุดแห่งปี 2565 ซึ่งก็มี "ลิโอเนล เมสซี" และ "คริสเตียโน โรนัลโด" เป็นตัวชูโรง
1. “เมสซี” คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 บรรลุเป้าหมายสูงสุดในชีวิต ปิดฉากในสมัยที่ 5
– แม้จะประสบความสำเร็จมาแล้วเกือบทุกรายการบนโลกใบนี้ แต่ “แชมป์ฟุตบอลโลก” ยังเป็นเกียรติยศที่ ลิโอเนล เมสซี รอการเติมเต็ม และยอดดาวเตะวัย 35 ปี ก็ลั่นวาจาก่อนเดินทางไปกาตาร์แล้วว่านี่จะเป็นเวิลด์คัพ สมัยสุดท้ายในชีวิตของเขา
ที่สุดแล้ว การผจญภัยในฟุตบอลโลกสมัยที่ 5 ก็ลงเอยด้วยการคว้าแชมป์บอลโลกมาครองได้สมปรารถนา สิ้นสุดการรอคอย 36 ปีของ ทีมชาติอาร์เจนตินา นับตั้งแต่ ดีเอโก มาราโดนา สร้างตำนาน “หัตถ์พระเจ้า” ในปี 1986 และเป็นสมัยที่ 3 ของ “ฟ้าขาว” หลังจากครองแชมป์หนแรกในปี 1978
ไม่เพียงเท่านั้น เมสซี ยังทำสถิติส่วนตัวในฟุตบอลโลกมากมายจนนับแทบไม่ทัน เช่น เป็นนักเตะที่ลงเล่นมากที่สุด 26 นัด แซง โลธาร์ มัทเธอุส, คนแรกที่ทำแอสซิสต์ได้ถึง 5 สมัย, คนแรกที่ยิงประตูได้ทุกรอบตลอดทัวร์นาเมนต์, คนแรกที่ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยม 2 ครั้ง และภาพที่เขาชูถ้วยแชมป์บอลโลกในไอจี ยังทำลายสถิติยอดไลค์สูงสุดบนโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์มด้วย
2. “โรนัลโด” แตกหัก “เทน ฮาก” แยกทาง “แมนยูฯ”
– กราฟชีวิตของ คริสเตียโน โรนัลโด ดิ่งลงถึงขีดสุดในปี 2022 แม้ฤดูกาลที่แล้วจะเป็นดาวซัลโวสูงสุดประจำทีมด้วยผลงาน 24 ประตูทุกรายการ แต่ก่อนเปิดซีซั่น 2022-23 ยอดดาวยิงทีมชาติโปรตุเกส กลับมาท่าทีแข็งข้อกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเห็นได้ชัด ก่อนมีข่าวว่าต้องการย้ายไปเล่นให้กับทีมที่ได้ไปลุย ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก จนกลับมารายงานตัวช่วงปรีซีซั่นช้ากว่าคนอื่น แม้เจ้าตัวจะชี้แจงว่าติดปัญหาเกี่ยวกับครอบครัวก็ตาม
แต่ค่าเหนื่อยที่สูงเกินเอื้อม บวกกับอายุที่ล่วงเลยมาถึงวัย 37 ปี ทำให้ โรนัลโด ยังไม่ได้ย้ายทีมสมใจ และต้องหลุดจากตำแหน่งตัวจริงของ แมนยูฯ ในยุค เอริค เทน ฮาก กุนซือคนใหม่อีก โดย 16 เกมที่ลงเล่นให้ “ปิศาจแดง” ในฤดูกาลนี้ ได้เป็น 11 คนแรกแค่ 10 นัด ทำได้เพียง 3 ประตู 2 แอสซิสต์ กลายเป็นปีที่มีส่วนร่วมกับการทำประตูน้อยที่สุดนับตั้งแต่ค้าแข้งอาชีพเลยทีเดียว
จากคนที่เคยอยู่บนจุดสูงสุดมาโดยตลอด ดูเหมือนว่า โรนัลโด จะยังปรับตัวกับช่วงชีวิตขาลงไม่ได้ ทำให้เจ้าตัวออกอาการหงุดหงิดบ่อยครั้งที่ต้องนั่งดูเพื่อนร่วมทีมเล่นอยู่บนม้านั่งสำรอง ถึงขั้นปฏิเสธการเปลี่ยนตัวในช่วงท้ายเกมพรีเมียร์ลีกที่ แมนยูฯ ชนะ สเปอร์ส 2-0 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม และเดินออกจากสนามก่อนหมดเวลา
ฟางเส้นสุดท้ายของ โรนัลโด กับ แมนยูฯ ขาดสะบั้นลง เมื่อเขาให้สัมภาษณ์กับ เพียร์ส มอร์แกน โดยพูดถึง แมนยูฯ ในแง่ลบ หนำซ้ำยังบอกเต็มปากเต็มคำว่าไม่เคารพ เทน ฮาก ที่ให้โอกาสลงสนามน้อยเกินไป นำไปสู่จุดแตกหักด้วยการยกเลิกสัญญาแยกทางกันเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ก่อนตัดสินใจเลือกความท้าทายครั้งใหม่ในทวีปเอเชีย ด้วยการเซ็นสัญญากับ อัล นาสเซอร์ ทีมเงินหนาแห่งซาอุดีอาระเบีย
3. สิ้นสุดอาณาจักรโรมัน “อบราโมวิช” ขายทีม “เชลซี” ผลพวงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
– คำกล่าวที่ว่า “กีฬา ไม่เกี่ยวกับ การเมือง” ไม่ใช่เรื่องจริงสำหรับ เชลซี เพราะทีมดังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถึงขั้นต้องเปลี่ยนเจ้าของสโมสร เนื่องจากสหราชอาณาจักรใช้มาตรการคว่ำบาตร ตัดท่อน้ำเลี้ยงทางการเงินของ โรมัน อบราโมวิช ทุกช่องทาง ด้วยเหตุที่ว่าเขามีความสนิทชิดเชื้อกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ผู้ประกาศทำสงครามกับ ยูเครน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
ทำให้ “เสี่ยหมี” จำใจประกาศขายทีมเชลซี ที่เคยสร้างความยิ่งใหญ่มาตั้งแต่ปี 2003 ด้วยการคว้าถ้วยแชมป์ถึง 21 ใบ ตลอดระยะเวลา 19 ปี (พรีเมียร์ลีก 5, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2, ยูโรปาลีก 2, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 1, แชมป์สโมสรโลก 1, เอฟเอ คัพ 5, ลีกคัพ 3 และ คอมมูนิตี ชิลด์ 2) ก่อนส่งมอบอำนาจการบริหารสโมสรให้กับ ท็อดด์ โบห์ลี มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน เป็นอันสิ้นสุด “อาณาจักรโรมัน” ในวงการลูกหนังเมืองผู้ดีแต่เพียงเท่านี้
4. “เฟเดอเรอร์” ปลงสังขาร เลิกเล่นเทนนิสอาชีพ “นาดาล” แซงสถิติแชมป์แกรนด์สแลมสูงสุด
– โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ หนึ่งในนักเทนนิสที่ดีที่สุดตลอดกาล ตัดสินใจแขวนแร็กเกตในวัย 41 ปี หลังต่อสู้กับอาการเจ็บเข่ามานาน แต่ก็ไม่สามารถกลับมาหวดลูกสักหลาดได้ นับตั้งแต่จบศึกวิมเบิลดันเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2021 ก่อนประกาศวางมือในวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา
“เฟดเอ็กซ์” สร้างสถิติยิ่งใหญ่มากมายในวงการเทนนิส ทั้งการครองมือ 1 ของโลก ประเภทชายเดี่ยว 310 สัปดาห์ พร้อมทำสถิติยึดตำแหน่งติดต่อกันนานถึง 237 สัปดาห์, คว้าแชมป์เอทีพีทัวร์ 103 รายการ มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ต่อจาก จิมมี คอนเนอร์ส (109 รายการ) รวมถึงเคยเป็นเจ้าของสถิติคว้าแชมป์แกรนด์สแลมสูงสุด 20 สมัย และแชมป์วิมเบิลดันสูงสุด 8 สมัย
แต่สถิติคว้าแชมป์แกรนด์สแลมสูงสุดของ เฟเดอเรอร์ ก็ถูกทำลาย โดย ราฟาเอล นาดาล คู่ปรับตลอดกาลชาวสเปน ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2022 จากการเถลิงแชมป์ออสเตรเลียน โอเพ่น เพิ่มสถิติเป็นแชมป์สมัยที่ 21 ก่อนต่อยอดสู่สมัยที่ 22 ในศึกเฟรนช์ โอเพ่น รายการโปรดของ “เอล มาทาดอร์” ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นแชมป์แกรนด์สแลมบนคอร์ตดินสูงสุดสมัยที่ 14 อีกด้วย
5. “เวอร์สแตพเพน” ทุบสถิติ “ชูมัคเกอร์” ชนะมากที่สุดใน 1 ฤดูกาล คว้าแชมป์โลกฟอร์มูลาวัน 2 สมัยซ้อน
– แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน กลายเป็นตำนานบทใหม่ของวงการรถสูตรหนึ่ง จากผลงานสุดยอดชนิดไร้ผู้ต้านทาน ครองแชมป์โลก 2 สมัยติดต่อกัน ด้วยการคว้าชัยไปถึง 15 สนาม ทุบสถิติใน 1 ฤดูกาลของ มิชาเอล ชูมัคเกอร์ (ปี 2004) และ เซเบาสเตียน เวทเทล (ปี 2013) ที่เคยทำไว้เท่ากัน 13 สนามอย่างราบคาบ และยังเก็บคะแนนได้สูงสุดถึง 454 แต้ม มากกว่าสถิติเดิมของ ลูอิส แฮมิลตัน ที่เคยทำได้ 413 แต้มในปี 2019 อีกต่างหาก
ไม่เพียงเท่านั้น ผลงานของยอดนักซิ่งหนุ่มชาวเนเธอร์แลนด์ ยังช่วยส่งให้ เรดบูลล์ เรซซิ่ง กลับมาคว้าแชมป์ทีมผู้สร้างได้เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี และเป็นแชมป์สมัยที่ 5 จากการโกยไปถึง 759 แต้ม ชนะ เฟอร์รารี อันดับ 2 ชนิดไม่เห็นฝุ่นถึง 205 แต้ม
6. ราชาลูกหนังสิ้นใจ “เปเล่” ผู้เปลี่ยนแปลงฟุตบอลไปตลอดกาล ได้เล่นร่วมกับ “มาราโดนา” บนสวรรค์ตามคำที่เคยกล่าวไว้
– ปี 2022 ส่งท้ายด้วยความโศกเศร้าจากการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการฟุตบอลและวงการกีฬาโลก เมื่อ “ไข่มุกดำ” เปเล่ ไม่สามารถยื้อชีวิตจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เป็นภัยคุกคามมานานได้อีกต่อไป ก่อนสิ้นใจอย่างสงบในวัย 82 ปี
เปเล่ เคยกล่าวเอาไว้หลังการเสียชีวิตของ ดีเอโก มาราโดนา ตำนานนักเตะทีมชาติอาร์เจนตินาเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2020 ว่าสักวันเขาคงจะได้เล่นฟุตบอลร่วมกับ “เสือเตี้ย” บนสรวงสวรรค์ แต่ใครจะไปคิดว่าคำพูดนั้นจะเป็นจริงแบบกะทันหันเช่นนี้
สำหรับ เปเล่ ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ในนักฟุตบอลที่ดีที่สุดตลอดกาล ด้วยผลงานการทำประตูมากที่สุดในโลก (อย่างไม่เป็นทางการ) 1,281 ประตู จากการลงเล่น 1,363 นัด ตลอดอาชีพค้าแข้ง 21 ปี และเป็นดาวยิงสูงสุดของทีมชาติบราซิล 77 ประตู จาก 92 นัด เท่ากับ เนย์มาร์ กองหน้ารุ่นน้องชุดปัจจุบัน
นอกจากนั้น เปเล่ ยังเป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้ถึง 3 สมัย ในปี 1958, 1962 และ 1970 ซึ่ง สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ก็ได้บรรจุชื่อของเขาในทำเนียบผู้เล่นแห่งศตวรรษ เมื่อปี 2000 อีกด้วย
